ศึกษาธิการ
รมว.ศธ.
กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนยังไม่สามารถดำเนินการโครงการต่างๆ
ได้เองอย่างคล่องตัว เพราะอำนาจอยู่ที่ส่วนกลาง
จึงได้มีแนวคิดที่จะปฏิรูปภาคปฏิบัติในลักษณะโครงการนำร่องเพื่อกระจายอำนาจไปสู่สถานศึกษาโดยตรง
โดยจะเริ่มทดลองใน 20 เขตพื้นที่การศึกษาใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ตั้งแต่
1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป
ซึ่งแต่ละเขตพื้นที่การศึกษาจะไปเลือกอีก 15 โรงเรียนในเขตพื้นที่ตัวเองที่มีผลการเรียนไม่ดีนักมาเข้าร่วมโครงการ
โดยจะมีการติดตามประเมินผลทุกๆ 3
เดือน และ 6 เดือน เพื่อดูความเปลี่ยนแปลง
หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ มีความคล่องตัว
การเรียนการสอนในโรงเรียนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ก็จะขยายจำนวนเขตพื้นที่และโรงเรียนให้กว้างออกไปอีก ซึ่งที่ผ่านมา
ศธ.ได้เตรียมการเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เช่น
การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารจาก 20 เขตพื้นที่การศึกษา การออกคำสั่งต่างๆ
เพื่อรองรับรูปแบบการกระจายอำนาจ เป็นต้น
ทั้งนี้
กรอบกระจายอำนาจ 4 ด้าน คือ
การบริหารจัดการ
ต้องการให้ ผอ.สพท. มีสิทธิ์และมีอิสระในการตัดสินใจดูแลสถานศึกษาและโครงการต่างๆ
ได้เอง เพื่อให้การบริหารจัดการเขตพื้นที่โดยรวมมีความคล่องตัว รวดเร็ว
และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
งบประมาณ แต่เดิมงบประมาณอยู่ที่ส่วนกลาง
ศธ.จึงต้องการมอบอำนาจให้เขตพื้นที่การศึกษาสามารถดูแลและบริหารจัดการงบประมาณได้เองโดยที่ไม่ต้องขอมาที่ส่วนกลางอีก
ส่วนจะเป็นจำนวนเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละเขตพื้นที่
เพราะเป็นงบประมาณที่แต่ละเขตพื้นที่ได้ตั้งไว้เพื่อจัดทำโครงการต่างๆ
อยู่แล้ว
หลักสูตร
ศธ.อาจจะมีหลักสูตรแกนกลางสำหรับจัดการเรียนการสอนในทุกพื้นที่
และจะเปิดโอกาสให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาคิดหลักสูตรเฉพาะของพื้นที่ตัวเอง
ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เช่น
หลักสูตรพื้นที่ของโรงเรียนในภูเก็ตกับโรงเรียนในขอนแก่นก็จะไม่เหมือนกัน
เป็นโอกาสที่เขตพื้นที่การศึกษาจะได้คิดเองทำเอง
และสถานศึกษาก็จะได้พัฒนาตามลักษณะพื้นที่
โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่จะสามารถพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนของตัวเองได้มากขึ้น
บุคลากร ในกรณีที่มีอัตรากำลังอยู่แล้ว
แต่ไม่มีครูบรรจุ เขตพื้นที่การศึกษาสามารถจัดหาครูหรือจ้างครูมาสอนเองได้
แต่หากไม่มีอัตรากำลัง
ยังคงเป็นอำนาจของส่วนกลางที่จะพิจารณาจัดสรรอัตรากำลังครูลงไป อย่างไรก็ตาม
อำนาจการโยกย้ายเป็นของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งมี
ผอ.สพท.ทำหน้าที่เลขานุการอยู่แล้ว อาจมีการนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุม
อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หากตกลงกันได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี
เพราะเชื่อว่าหากทำได้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนการสอนของทั้งนักเรียนและครู
-
การปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนอย่างยั่งยืน ศธ.
รมว.ศธ.กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบร่างการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาคนอย่างยั่งยืน กระทรวงศึกษาธิการ
พร้อมทั้งได้อภิปรายถึงการปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมาว่า มีการปฏิรูปมาแล้วหลายครั้ง
แต่เป็นการปฏิรูปจากข้างบนลงไปข้างล่าง จึงมีแนวคิดใหม่ที่ต้องการให้มีการปฏิรูปจากข้างล่างขึ้นมาข้างบน
ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า
ควรปฏิรูปภาคปฏิบัติโดยเน้นไปที่ตัวนักเรียน
เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและสามารถวัดผลได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากการวัดผลจะวัดจากผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน ไม่ได้วัดว่าครูเก่งขึ้นเพียงใด
ดังนั้น การปฏิรูปครั้งนี้จะเน้นไปที่นักเรียน ขึ้นมาที่ครู สถานศึกษา
เขตพื้นที่การศึกษา จนมาถึงกระทรวง อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน
ศธ.ปฏิรูปในระดับพื้นที่อยู่แล้ว เช่น การกระจายอำนาจ การจัด Coaching team จัด Reform Lab
เพื่อให้ความรู้และพัฒนาครูผู้สอนในเชิงพื้นที่ทั้งระดับจังหวัดและระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ในส่วนของด้านบนคือ ระดับกระทรวง จะปฏิรูปทั้งในส่วนของโครงสร้าง หลักสูตร
บุคลากร ตลอดจนการบริหารจัดการ ควบคู่ไปกับการปฏิรูปส่วนล่าง ซึ่งหลายเรื่อง
ศธ.ได้ดำเนินการไปแล้ว
โดยเฉพาะในส่วนของอาชีวศึกษา สำหรับการปรับโครงสร้างหรือแยกองค์กร เช่น สกอ.
หากทุกฝ่ายเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ศธ.ก็จะดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับเรื่องอื่นๆ
แต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำทันที เพราะการปรับโครงสร้างถือเป็นเรื่องใหญ่
และมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของกฎหมาย บุคลากร สถานที่
อาจไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 1
ปีได้
นวรัตน์ รามสูต
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
Published 20/11/2014
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
Published 20/11/2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น